Jeju เป็นอีกหนึ่งในสถานที่เที่ยวยอดฮิตของทั้งคนเกาหลีเอง และคนต่างชาติค่ะ ถ้าจะเปรียบเทียบก็คล้ายๆ กับภูเก็ตบ้านเรา ทุกซอกทุกมุมเกาะเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทะเล น้ำตก ถ้ำ ภูเขา ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ที่กระจายตัวอยู่รอบเกาะมากมาย

วันนี้ เรามารีวิวที่เที่ยวทั้งหมด 10 แห่ง รอบๆ เกาะ Jeju เหมาะสำหรับทริป 3-4 วันกำลังชีล ไม่ว่าจะตามรอยซีรีย์ รึเซลฟี่ตัวเองรับรอบว่า สวยสุดๆ  ซึ่งจริงๆ แล้ว Jeju ยังมีที่เที่ยวเจ๋งๆ อีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง ถ้าจะเที่ยวให้ครบต้องใช้เวลามากกว่านี้ ทริปนึงต้องมีไม่ต่ำกว่า 5-7 วันแน่นอนค่ะ 3-4 วันนี่ น้ำจิ้มมากๆ ทั้งตัวเมือง Jeju/ Halim Park/อุทยานแห่งชาติ Hallasan / ตัวเมือง Seogwipo / เกาะ Udo /  Aqua Planet และชายหาดทั้งหลาย ถนนสวยๆ อีกมากมาย รวมถึง Trail ที่เหมาะกับคนรักธรรมชาติอีกหลายเส้นทางที่เล็งเอาไว้   รอบหน้าไปแล้วจะกลับมาเก็บตกรีวิวให้อีกครั้งนะคะ เอาล่ะ ตามไปเที่ยวกันเลยดีกว่า ^_^

1.Bomnal Cafe 봄날카페   +82 64-799-4999

ถ้าหากขับจากตัวเมือง Jeju ออกมาทางฝั่งตะวันตกเลาะเลียบถนนริมทะเล Aewol Coastal Road ประมาณ 30 นาที จะเจอคาเฟ่ริมทะเล น่ารักๆ ให้นั่งกินลม ชมวิว จิบกาแฟ ถ่ายรูปเล่นค่ะ บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ  เป็นโลเคชั่นถ่ายทำซีรีย์ เช่นเรื่อง  warm and cozy  ด้วยนะคะ ติ่งเกาหลีไม่ควรพลาด

จาก Bomnal Cafe ถ้าใครมีเวลา สามารถขับรถต่อไปยัง Hallim Park ได้ค่ะ ไม่ไกลกันมากนัก  (แต่ต้องวางเส้นทางดีๆ นะคะ เพราะ Jeju ที่เที่ยวเยอะมว๊ากกเวลาอาจจะไม่พอได้ )
Halim Park 한림공원 +82 64-796-0001

2. Osulloc Tea Museum 오설록티뮤지엄  064-794-5312  9.00-18.00

มาถึง Jeju ทั้งที ต้นกำเนิดของชายี่ห้อดังของเกาหลี Osulloc ถึงแม้ใน Seoul จะมีช็อบอยู่มากมายหลายที่ แต่ที่นี่ต้องบอกว่าช็อบใหญ่มาก มีของครบครัน บรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายน่ารักน่าซื้อตั้งแต่ซื้อกินเองไปยันซื้อฝากค่ะ (ใน Seoul ก็มีแต่ของอาจจะไม่เยอะและครบเท่านี้ ราคาเท่ากันค่ะ ถ้าใครขี้เกียจแบก ไปซื้อที่โซลก็ได้)
Osulloc Tea Museum  แบ่งเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมๆ  ส่วนของร้านกาแฟที่ขายขนม ไอศกรีม ชาต่างๆ ด้านบนเป็นจุดชมวิว และไร่ชาให้เดินเล่นถ่ายรูปได้ค่ะ

ติดกับ Osulloc Tea Museum มี Innisfree Jeju House ช็อบใหญ่มากก  และร้านอาหารสวยงามน่านั่งท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติสุดๆ อยู่ติดกันด้วยค่ะ

3. Sanbangsan Mountain 산방산  +82-64-760-6321

Parking Facilities : Available (Public parking lot (free) / Paid parking lot)
Admission Fees : Individuals – Adults 1,000 won / Military, Youths & Children 500 won
ช่วงที่เราไปเที่ยว ปลายเดือนมีนาคม เป็นช่วงพีค ของดอกคาโนล่า หรือ Rapeseed บานสะพรั่งเต็มท้องทุ่งและข้างทาง พบเห็นได้ตลอด อย่างตรง เนินเขา Sanbang นี่ รมณ์เหมือนทุ่งดอกทานตะวันประเทศไทย มีหลายโลเคชั่นให้เลือก บางจุด เก็บเงินค่าเข้าชม ประมาณ 1000 วอนต่อคน ให้เข้าไปถ่ายรูป  อีกด้านของภูเขา จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต มีวัด Sanbangsa (산방사) ที่หันหน้าออกสู่ทะเล มีเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ประดิษฐ์สถานให้แวะเข้าไปสักการะ (แต่เราไม่ได้แวะขึ้นไปไหว้นะ ต้องตัดใจเพราะดูแล้วเวลาไม่พอ ถ้าเย็นมากกลัวเที่ยวไม่หมด)

4. YongMeoRi Coast  용머리해안

จุดนี้เป็นจุดนึงที่เราประทับใจมากค่ะ ทางลงอยู่ฝั่งตรงข้ามวัด Sanbangsa เดินจากลานจอดรถลงไปไม่ไกล
ความอลังการของธรรมชาติน่าทึ่งจริงๆ ดูจากในรูป บอกเลยว่าสวยไม่เท่าตาเห็น Geographic ของที่ Jeju เป็นภูเขาไฟ ทำให้เราให้เห็นความหลากหลายทางธรรมชาติเยอะมาก บริเวณชายฝั่งนี่สามารถเดินต่อไปได้อีกระยะนึงทีเดียว (แนะนำให้ใส่รองเท้ารัดกุม คนแก่อาจจะต้องมีคนช่วยพยุงตอนเดินลงนะคะ แต่เดินไม่ยากๆ)

5. Daepo Jusangjeolli Cliff (주상절리(대포동지삿개)) +82-64-738-1393

Operating Hours  Sunrise to Sunset
Parking Facilities Available
Admission Fees Individuals – Adults 2,000 won / Teenagers & Children 1,000 won

เป็นลักษณะของหน้าผาที่เกิดจากหินลาวาร้อนผุดขึ้นมาแล้วเย็นตัวลง ผลึกเป็นรูป แปดเหลี่ยม (hexagonal rock) ซึ่งมีให้เห็นได้ในหลายที่ เช่น ฮ่องกง ก็มีค่ะ เหมือนกันเปี๊ยบ แต่ที่นี่จะเป็นมุมมองจากด้านบน มองลงไป สวยไปอีกแบบ

พบว่า เบอร์โทรที่ได้มาจากเน็ท ตั้งพิกัดแล้วดันเป็นลานจอดรถของรีสอร์ทใกล้ๆ ซึ่งต้องเดินเลาะไประยะทางพอควร ทั้งที่จริงๆ มีลานจอดอีกอันที่ใกล้กว่า (แต่ตั้งพิกัดไม่ไปถูก) ถ้ายังไงลองเช็คพิกัดดีๆ ค่ะ

6.  Noksan-ro 제주 녹산로

ถนนนกซาน เป็นถนนเส้นเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ใจกลางเกาะ Jeju ถ้าหากไปให้ตรงฤดูกาลแล้ว สวยงามมากกกค่ะ เพราะมีทั้งซากุระ และดอกคาโนล่า เรียงรายเป็นแนว  เป็นภาพที่เราเห็นการท่องเที่ยวใช้โปรโมท Jeju บ่อยมากๆ

ตอนที่เราไป กะว่าจับยามสามตาดีแล้วเชียว ว่าจะได้ภาพงามๆ แบบนี้ ทีไหนได้ ดีนี้ อากาศค่อนข้างหนาวค่ะ ซากุระยังเป็นตุ่มอยู่เลย T_T

7. Seongeup Folk Village (성읍민속마을)

 หมู่บ้านวัฒนธรรมชองอับ (ขับต่อมาจาก Noksan ไม่ไกลเลยค่ะ เป็นทางผ่านที่จะไป Seopjikoji อยู่แล้ว  ที่หมู่บ้านนี้ รถเล็กสามารถเข้าไปจอดด้านในหมู่บ้านได้เลย หรือจะจอดลานจอดด้านนอก ฝั่งที่เป็นร้านอาหารก็ได้  มีร้านอาหารอยู่หลายร้าน ขายหมูดำ เมูนขึ้นชื่อของ Jeju ราคาค่อนข้างสูงค่ะ

 8.Seopjikoji (섭지코지)

เป็นเหมือนแหลมบริเวณกว้าง ยื่นออกไปในทะเล ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ของเกาะ Jeju มีประภาคารอยู่บนเนิน สูงต่ำ มองเห็นพื้นดิน ท้องฟ้า และทะเล สวยมากกกกกกก เป็นจุดที่ถ่ายซีรีย์หลายเรื่อง และเป็นที่ตั้งของ Hanwha Aqua Planet ด้วยค่ะ

ตอนเราไป มีการปิดถนนฝั่งที่ใกล้แหลมมากที่สุด เราจึงจอดรถหลัง Aquarium แล้วเดินกินลม ชมวิวไปเรื่อยๆ จนถึง glasshouse ริมทะเล จากทีแรกฝนจะตก เดินเล่นจนแดดออก สวยมากกกกกกกกก โรแมนติกสุดๆ) บอกเลยว่า ห้ามพลาด!!!

Tips :  จุดนี้ ถ้าจะเที่ยวให้หนำใจจริงๆ ควรมีเวลาค้างสัก 2 คืน ก็ยังได้ค่ะ จะได้ดูพระอาทิตย์ขึ้น ที่ Seonsan Ilchulbong และ พระอาทิตย์ตก ตรงทางเชื่อมกาะ ได้ด้วยค่ะด้วยมากกกกกกกกกก
ถ้าใครเที่ยว Aquarium เราว่ามีอย่างน้อยๆ ครึ่งค่อนวัน  แล้วค่อยออกมาเดินเล่นตอนเย็นที่ Seopjikoji ค่ะ
อีกวันเที่ยว Seonsan Ilchulbong + Udo Island    และเผื่ออีกวัน สบายๆ เก็บบริเวณรอบๆ ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ ซึ่งจริงๆ มีพิพิธภัณฑ์ หลายจุดที่น่าแวะ ร้านอาหารหลายแห่งน่ากิน เที่ยวไม่หมดใน 2 วันแน่นอน (ยกเว้นจะเที่ยวแบบจิ้มจุ่ม เช็คอินถ่ายรูปแล้วไปต่อ)

 9. Seongsan Ilchulbong Peak 성산일출봉 +82 64-783-0959

Admission Fees  Individuals: Adults 2,000 won / Teenagers & Children 1,000 won
ยอดเขาชื่อดังของ Jeju ที่เป็นปากปล่องภูเขาไฟ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่อยู่ในโปรแกรมทัวร์ทุกทีเลยมั้งคะ  แต่ถ้ามาเอง ไฮไลท์คือ การเดินขึ้นยอดเขาแต่เช้ามืด ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ!! (แต่เราไม่ได้ขึ้นนะคะ เพราะมีเด็ก 2 คน ถ้าเดินขึ้นตอนมืดๆ กลัวเด็กไม่ตื่น และไม่กล้าทิ้งไว้ในโรงแรม  แนะนำว่าควรเตรียมไฟฉายเล็กๆ ไป)  บริเวณรอบๆลาดจอดรถ มีร้านอาหารอร่อยๆ หลายร้าน ที่เป็นร้าน Local รวมถึง Fastfood ต่างๆ  ตอนเราเช็คอินโรงแรม อาจุมม่าบอกเวลาพระอาทิตย์ขึ้น 6.30 น.  แกบอกว่า ให้เผื่อเวลาเดินขึ้นไป 30 นาที  ที่พักบริเวณรอบๆ ตีนเขา อยู่ในระยะเดินได้ ไม่ไกลเลยค่ะ แต่พอถึงจุดที่ขึ้นจริงๆ มีความแฮ่ก ใช้ได้เลย ต้องหยุดพักเป็นระยะๆ

แต่วิวด้านบน สวยมาก มองไปด้านหนึ่งจะเห็นพื้นดิน ฝั่งเมือง และทะเล  พอถึงยอดแล้ว มองเห็นปากปล่องภูเขาไฟ และทะเล

10. Manjanggul Cave [UNESCO World Heritage] (만장굴 [유네스코 세계자연유산]) +82-64-710-7903

Operating Hours  09:00-18:00 * Last admission 17:10
Admission Fees  Individual: Adults 2,000 won / Teenagers & Children: 1,000 won

ถ้ำลาวามันจังกุล เป็นถ้ำลาวาตามธรรมชาติ ที่มีขนาดใหญ่มาก ระยะทางในการเดินประมาณ 1 กิโลเมตร ต่อเที่ยว ไปกลับ 2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชม. ค่ะ ด้านในอากาศค่อนข้างเย็น มืด แต่มีไฟส่องเป็นระยะๆ ตลอดทาง เข้าออกทางเดียวไม่มีหลงแน่นอน  ตามทางจะมีป้ายอธิบายลักษณะตามธรรมชาติของหินลาวาแต่ละรูปแบบที่เกิดจาก maxma ดันขึ้นมาและไหลไปตามบริเวณผนังถ้ำ สวยงามแปลกตาดีค่ะ ถ้าชอบเที่ยวธรรมชาติ เป็นอีกที่นึงที่แนะนำ