วันนี้ Backpackbuddy ขอมาแบ่งปันประสบการณ์ พาเด็กๆ เที่ยวเกาหลีซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศยอดฮิตแต่ว่าเมื่อจะไปเที่ยวเกาหลี เท่าที่สังเกตส่วนมาก จะเป็นวัยรุ่น ไปเที่ยวกันเอง หรือ ถ้าเป็นคนทั่วไป อาจจะเลือกไปทัวร์ ถ้าหากจะพาครอบครัว พาเด็กเที่ยว ประเทศที่คนคิดถึงแรกๆ กลับเป็น ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ทำให้ข้อมูลพาเด็กเที่ยวเกาหลีนั้น มีน้อยมากกกก
จากประสบการณ์พาเด็กๆ เที่ยวเกาหลีพบว่า มีความแตกต่างจากญี่ปุ่นอยู่พอสมควร เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เราสังเกต และนำกลับมาเล่าให้ฟัง โดยรวม เรียกได้ว่า เกาหลี ดูจะเป็นที่ที่เหมาะกับวัยรุ่น ผู้ใหญ่ และเด็กโตหน่อย จะเที่ยวสนุกมาก ข้าวของส่วนใหญ่ จะเป็นสินค้า character & Designer ที่เหมาะกับเด็กโตๆ เช่น kakao / Line / Pokemon / Gudetama / Ohlala และอื่นๆ อีกมากมายออกแนวชิคๆ ฮิปๆ ไม่ได้มุ้งมิ้ง จุ๊กจิ๊กเหมือนญี่ปุ่น ที่เด็ก เดินไปไหนก็จะมีข้าวของให้ดู มีตู้กาชาปองไว้หลอกเด็กได้ตลอดทาง ส่วนพ่อแม่ที่อยากมาช็อบ อย่าหวังว่าจะมาช็อบข้าวของใช้เด็ก ที่เกาหลี เพราะแพงมาก สวนสนุกและพิพิธภัณฑ์เหมาะกับเด็กประถมและวัยรุ่นค่ะ
คนเกาหลี กับเด็ก
จากการสังเกตส่วนตัวนะคะ เราไม่ค่อยพบเห็นเด็กๆ ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากนัก รึเพราะเราไม่ได้ไปในสถานที่ที่เด็กอยู่ก็ไม่รู้ อย่างเวลาไปเที่ยวตามสถานที่เที่ยวต่างๆ เช่น ห้าง เมียงดง หรือถึงแม้เราจะไปตามมิวเซียมต่างๆ เช่นพิพิธภัณฑ์เด็ก เด็กก็ไม่ได้มีเยอะมากนัก (จุดนี้ต่างจากญี่ปุ่นมากก เรามักจะเห็นแก๊งคุณแม่บ้าน หรือครอบครัว พาเด็กๆ ไปโน่นมานี่ พบเห็นได้เป็นปกติทั่วไป) เมื่อกลับมาหาข้อมูล พบว่าเกาหลีเป็นอีกประเทศนึงที่เข้าสู่ Aging Society ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า ประชากรเด็กน้อยทำให้เราไม่ค่อยเห็น แต่ถึงกระนั้น คนเกาหลีที่เราพบเจอระหว่างการเดินทางใจดีกับเด็กๆ มากกกกกกกกก ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย (ผิดคาด!!) เช่น เวลาขึ้นรถไฟ บางทีก็ชวนคุย ไปไหนมาไหนก็มีชวนคุยตลอด ชวนเล่น อธิบายต่างๆ ให้ฟังโดยเฉพาะคนมีอายุหน่อย ขึ้นรถไฟมาก็จะลุกให้นั่ง บางคนเปิดกระเป๋าควักขนมแจกเด็กๆ อีกด้วย เราเจอคุณลุงนั่งตรงที่นั่งคนแก่ บอกให้เด็กๆ สลับที่กับเค้า จะได้นั่งกับแม่ เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ประทับใจ (ส่วนวัยรุ่น วัยทำงาน จะไม่สนใจเด็กๆสักเท่าไหร่)
ซึ่งตรงนี้ เรารู้สึกว่า แตกต่างจากญี่ปุ่นมากๆ เพราะที่ญี่ปุ่น เด็กๆ ช่วยตัวเอง ไม่มีคนลุกให้นั่ง ผู้คนก็ไม่ได้อะไรมากนักกับเด็ก (จะมีก็แต่คนแก่ที่ทักทายบ้าง) แต่คนเกาหลี คือดีกับเด็กมากกกกกอย่างเห็นได้ชัด มีอยู่หนนึงในทริปที่ผู้ใหญ่เดินปิ๊บบัตร เข้ารถไฟฟ้ากันมาหมดแล้ว มีเด็ก 1 คน ปิ๊บบัตรไม่ผ่าน ก็ยืนอยู่หน้าทางเข้า ไม่รู้จะทำไง แม่ก็ไม่อยากออกไปให้เสียเงินฟรี อาจุมมาที่ผ่านมาก็พยายามช่วยดู จากนั้น อาจุมม่าจูงมือ พาเด็กไปหาเจ้าหน้าที่ อธิบายให้เจ้าหน้าที่ฟัง โดยที่แม่ๆ ยืนรออยู่ด้านใน ยืนรอดู จนสามารถปิ๊บบัตรผ่านเข้ามาได้ จนเดินมาถึงชานชาลา อาจุมม่าก็ยิ้มๆ ให้ตลอด เราก็ยิ้มและขอบคุณ เค้าก็ชวนคุย ว่า มาจากไหน ประเทศไร มาเที่ยวหรอ เที่ยวให้สนุกนะ คือ ใจดี น่ารักมากๆ
โรงแรมที่เจจู คุณป้าที่ฟร้อนท์ พาเราเช็คอิน เดินมาส่งที่ห้อง ชวนเด็กๆ คุย พอเช้ามาคุณป้าไม่อยู่ แต่ฝากส้มเอาไว้ให้เด็กๆ 4 ลูก กินกันระหว่างทาง ใจดี๊ ใจดี 
Facilities สำหรับเด็ก
เรื่องการเดินทางด้วยรถเข็นนั้น ไม่ค่อยมีปัญหา มีลิฟท์ บันไดเลื่อน ทางลาด มีเหมือนประเทศเจริญแล้วทั่วไป
ห้องน้ำ มีเยอะมากก หาง่ายมาก สะอาด ความเห็นส่วนตัวคิดว่าภาพรวมห้องน้ำสาธารณะเกาหลีสะอาดกว่าญี่ปุ่นอีก ถึงแม้จะไม่มีปุ่มไฮเทค อุ่นก้นให้ร้อน แต่ทิชชู่มีพร้อมเสมอ ไม่เหม็น (ญี่ปุ่นบางที มีเหม็น โดยเฉพาะ ส้วมแบบนั่งยองๆ หรือตามสถานที่ท่องเที่ยว ต่างจังหวัด) แต่ที่เกาหลีเราไม่ค่อยเห็นห้องน้ำสำหรับแม่และเด็กเท่าไหร่นะคะ ไม่เหมือนญี่ปุ่น ที่มีทั่วไป แทบทุกห้อง จะมีที่นั่งสำหรับเด็กเล็ก
สำหรับเด็กเล็กที่ต้องนอนกลางวัน อาจจะหาที่นอนยากหน่อย เพราะคนที่นี่สูบบุหรี่จัด คาเฟ่ร้านกาแฟก็สูบ คุยกันเสียงดัง ร้านอาหารก็ไม่ได้เหมาะเท่าไหร่(เราแทบไม่เห็นคนพาเด็กเล็กๆ เข้าร้านอาหารเลยอะ) สวนสาธารณะ ก็ไม่ได้มีเยอะแบบที่จะชีลพาเด็กไปงีบหลับกลางวันได้
เสื้อผ้าเด็กที่เกาหลี
ใครๆ ก็บอกว่า เสื้อผ้าเกาหลีน่ารัก ราคาไม่แพง คุณภาพดีเกินราคา แต่นั่น เฉพาะของผู้ใหญ่จ้า สำหรับเสื้อผ้าเด็กแล้ว ต่อให้ขายข้างถนน underground shopping หรือบนห้าง บอกเลยว่าไม่ถูก!! คือ เรียกว่าแพงมากกกกกเหอะ ราคาที่เจอบ่อยๆ ข้างถนนขายกันอย่างต่ำตัวละ 20,000 วอน++++ (600 บาท) ในขณะที่เสื้อผ้าผู้ใหญ่ร้านข้างทางขายราคาตัวละ 5000-10,000 วอน (หรือเพราะเหตุนี้คนเกาหลีเลยไม่ค่อยมีลูกกันนะ)
Uniqlo ไม่ใช่ทุกสาขา จะมีของเด็กนะ ถ้าใครกะจะฝากความหวังมาซื้อ heat tech ที่นี่ อาจจะไม่สามารถค่ะ
ในขณะที่ญี่ปุ่น จะมีร้านขายของเด็กที่ราคาไม่แพง เช่น akachan honpo หรือ Nishimatsuya ให้บรรดาแม่ๆ นักช็อบฟินได้
ถ้าหากใครมีพิกัดร้านขายของเด็กราคาไม่แพงที่เกาหลี มาบอกกันบ้างนะคะ จะไปตามรอย
ค่าเช้าชมสถานที่ต่างๆ
สถานที่ท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ ต่างๆ เด็ก ส่วนมากจะฟรีถึง 7 ขวบ เกิน 7 เสียครึ่งราคา
อาหารการกิน สำหรับเด็กเมื่อไปเที่ยวเกาหลี
เกาหลี อาหารส่วนมากจะรสจัด เผ็ด แซ่บ ไม่ว่าจะเป็น บุเดจิเก(ซุปกิมจิใส่ทุกสิ่งอัน เช่นมาม่า มักกะโรนี ถั่ว ต็อก) อันดงจิมดัก(ไก่ผัดซอสแบบอันดง) ทัคคาลบี(ไก่ผัดซอสเผ็ด) ซุปกิมจิ ถึงแม้ร้านค้าส่วนมากที่เจอ จะไม่ค่อยมีอาหารชุดเด็ก แต่ในเมนู ก็มักจะมีเมนูที่เด็กๆ กินได้ เช่น คิมบับ(ข้าวห่อสาหร่าย) ปลาย่าง แฮมเบิร์กหมู หมูย่าง
- จะมีร้านที่ขายเมนูเฉพาะอย่าง เช่น อันดงจิมดัก บุเดจิเก ที่เค้ามักจะนับเป็นรายหัวจ่ายเงิน อาจจะไม่มีเมนูที่เด็กกินได้ เราวางแผนหาอาหารอย่างอื่นให้เด็กกินให้อิ่มแล้วค่อยเข้าร้าน จากนั้นผู้ใหญ่ค่อยบันเทิง จกกันให้เพลินไป ร้านอาหารเกาหลีถ้าไม่ใช่ร้านแบบเหมาราคาต่อคนต่อหัวจะไม่ค่อยบังคับสั่งอาหารแบบครบทุกคน บางทีเราสั่งชุดของผู้ใหญ่ ชุดใหญ่ๆ 1 ชุด ประกอบไปด้วยปลาย่าง ซุปกิมจิ + ข้าว หรือ เมนูบุลโกกิ + ซุป + ข้าว แบ่งกันกินกับเด็กๆ ได้สบายเพราะปริมาณเยอะมาก เซทละ 13-18,000 วอน+
- ร้านส่วนมากมักจะให้จานชามแบ่งสำหรับเด็กมาแบบไม่ต้องขอ (ในขณะที่ญี่ปุ่นถ้าเราไม่ได้สั่งอาหารครบคน ส่วนมากต้องเอ่ยปากขอค่ะ)
- การกิน ร้านอาหารส่วนมากใช้ช้อน ตะเกียบ สีเงิน(ซึ่งคีบยากไปสำหรับเด็ก) ส้อมส่วนมากจะไม่มีให้นะคะ เด็กๆที่ใช้ตะเกียบให้คล่องจะสบายมากค่ะ แต่ถ้าไม่คล่องจะลำบากหน่อย เพราะส่วนมากเค้าไม่มีส้อมให้ ต้องลองขอดู และถ้าต้องมานั่งขอทุกร้านก็ใช่ที่ แนะนำแวะซื้อส้อมพลาสติกพกไปเองก็สะดวกดีนะ
- หนึ่งในเมนู survival ของเด็กๆ เวลาไปเที่ยว คือข้าวปั้นร้านสะดวกซื้อ แต่เกาหลีไม่ข้าวปั้น หรืออาหารสำเร็จที่หลากหลายเหมือนญี่ปุ่น ธรรมดามาก ถึงมากที่สุด บางไส้อาจจะเผ็ด แต่ดีหน่อยว่า ที่เกาหลี ที่ด้านหน้าห่อข้าวปั้น มักจะมีรูป และมีตัวหนังสือภาษาอังกฤษเล็กๆ บอกว่าไส้อะไร
- ไม้ตายคือ ข้าวเปล่าห่อสาหร่ายเกาหลีนั่นแหละ
- ตามสถานที่เที่ยวต่างๆ ร้านอาหารบางแหล่งจะมีตู้กดน้ำร้อน น้ำเย็นไว้ให้บริการ เด็กๆ สามารถพกขวดหรือกระติกน้ำมาเองได้ เติมกระติกน้ำร้อนสำหรับชงนมก็สะดวกดีค่ะ ถ้าเป็นน้ำเปล่า เกาหลีนี่มีให้ฟรีแทบทุกร้าน
ที่พัก โรงแรม โฮสเทล
ที่พักในเกาหลี สำหรับเด็กนั้น จัดว่าหาง่ายกว่าญี่ปุ่น เพราะที่ญี่ปุ่น ส่วนมากแล้ว เกิน 6 ขวบ จะคิดเงินเพิ่ม เท่ากับผู้ใหญ่ 1 คนค่ะ
แต่ก็ตามกฏสากลโลก เราว่าเกาหลีที่เจอมา ไม่ซีเรียส คือถ้า เด็กเล็กๆ นอนกับผู้ใหญ่ได้ ไม่เสริมเตียง เค้าก็ไม่คิดเงินเพิ่ม แต่ถ้าโตๆ หน่อย มีเตียง ก็คิดเงินเพิ่มตามราคาผู้ใหญ่ค่ะ
เราว่า รร.ที่เกาหลี ค่อนข้างสบายๆ คุยตกลงกันได้ จะไม่ได้เป๊ะๆ strict แบบญี่ปุ่น ให้เราต้องเครียดมากนัก
หลายโรงแรม มีห้องแบบฟูตง คือปูฟูก เราก็เลือกแบบ 2 ที่นอน สำหรับผู้ใหญ่สองคน เค้าก็ไม่ว่าไรนะ
บางโรงแรม มีเตียงให้ เราเมล์ไปบอกเค้าว่ามีเด็ก ด้วยนะ 2 คน 7/9 ขวบ ลืมแจ้ง เค้าบอกเดี๋ยวปูฟูกให้ อีก 2 อัน แล้วขอคิดเงินเพิ่มเรท +1 คน แต่เอาเข้าจริงๆ พอไปหน้างาน เค้าลดให้เฉย คิดเพิ่มนิดหน่อยพอเป็นพิธีไรงี้ 1-20,000 วอน จำไม่ได้ละ แต่คือไม่เยอะมากเท่าที่แจ้งไว้ตอนแรก
อย่าง รร. ที่เรานอนที่โซล ไม่มีลิฟท์ คืนแรกได้ห้อง อยู่ชั้น 6 ซึ่งเป็นห้องที่เราจองไว้น่ะแหละ เป็นเตียง 2 ชั้น 2 เตียง วันแรก ไต่บันไดพร้อมยกกระเป๋า 20 โล ขึ้นบันได 6 ชั้น ขอบอกว่า มองเห็นชะตาตัวเองขาดรำไรๆ เช้าวันรุ่งขึ้นเราไปบอกเค้าว่า เรามีเด็ก และสัมภาระ ไหนจะเช็คอิน เอ้าท์ตลอดทริปเพื่อไปเที่ยวต่างจังหวัด รวมแล้ว 3 รอบ ถ้าให้เรายกกระเป๋าขึ้นลง 6 รอบ ตายแน่ๆ ขอเปลี่ยนห้องได้ไหม คนดูแลก็ลองดูให้แล้วบอกว่ามี แต่ราคาแพงขึ้นกว่าเดิมเกือบสองเท่านะ คุยไปคุยมา เค้าลดให้ เป็นเท่านี้ๆ พอจะจ่ายจริงๆ ลดลงไปให้อีก ซึ่งดีงาม
กิจกรรมและสิ่งต่างๆ หลอกล่อใจสำหรับเด็ก
เกาหลีไม่เหมือนญี่ปุ่น ที่มีของเล่นน่ารักๆ ของกุ๊กกิ๊กๆ ตลอด ร้านของเล่น โมเดลต่างๆ ของเหล่าโอตากุ ให้เด็กได้เดินดูเพลินๆ
ของพวกนี้ที่เกาหลีส่วนมากที่เห็นก็คือของญี่ปุ่นนั่นแหละ แต่ถ้ามองหา stationary กระเป๋า สมุด ของใช้น่ารักๆ ที่นี่มีเพียบบบบบบบ แต่จะออกแนววัยรุ่นๆ หน่อยนะคะ เด็กๆ ไม่ค่อยชอบ แต่แม่ชอบ กวนตรีนดี 555
พิพิธภัณฑ์สำหรับเด็กเอง ส่วนมากจะมีคำอธิบายเป็นภาษาเกาหลีเป็นหลัก อาจจะมี Head Title เป็นภาษาอังกฤษให้พอเดาได้บ้าง แต่โดยรวม ก็ยังเป็นภาษาเกาหลี และไม่ได้มีความ user friendly เท่าญี่ปุ่น ที่ถึงแม้จะอ่านไม่ออก ก็ยังสนุกได้ ถึงอย่างนั้นก็ยังโอเค ที่ได้ไปเปิดหูเปิดตานะคะ
สำหรับเด็กโต ประถมปลายหรือมัธยม พิพิธภัณฑ์น่าจะมีประโยชน์ สนุกมากๆ อย่างพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์นี่ จะมีหัวข้อตั้งแต่ง่ายๆ เช่นร่างกาย สัตว์ วิวัฒนาการไปจนถึงโพลิเมอร์ solar cell โรงงานไฟฟ้า เตาปฏิกรณ์ เป็นต้น
บัตรโดยสารรถไฟ T-Money และ/หรือ บัตร Cash Bee สำหรับเด็ก
บัตร T-money (티머니) จะมี 3 ประเภทคือ
- ผู้ใหญ่ (Adult) หรือแบบปกติ 일반용 สำหรับคนที่อายุ 19 ปีขึ้นไป
- บัตรนักเรียน (Teen) หรือ청소년용 สำหรับคนที่อายุ 13-18 ปี (ลด 20%)
- บัตรเด็ก (Child) หรือ 어린이용 สำหรับคนที่อายุต่ำกว่า 12 ปี (ลด 50%)
บัตรนี้ไม่ได้หาซื้อง่ายๆ แบบญี่ปุ่นนะ! เวลาที่เราไปซื้อ T-money แบบทั่วๆไป บัตรนั้นจะเป็นบัตรผู้ใหญ่ค่ะ ถ้าซื้อเองจากตู้ เราจะต้องไปลงทะเบียนออนไลน์ในเว็บไซต์ค่ะ http://www.t-money.co.kr/
ขั้นตอนที่ 1 : เข้าไปที่หน้าเว็บและกดเมนูสีม่วงๆ เข้าไปที่หน้าลงทะเบียน
ขั้นตอนที่ 2 : กรอบขวามือที่เป็นรูป Tmoney จะเป็นช่องลงทะเบียนสำหรับ คนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นสมาชิก
ขั้นตอนที่ 3 : กรอกเลขบัตร และวันเดือนปีเกิดลงไปค่ะ
- ถ้าซื้อตามร้านสะดวกซื้อ ให้ถามเค้าว่า มีบัตรเด็กไหม ถ้าคนขายสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ เขาจะลงทะเบียนให้เรา ณ จุดที่ซื้อค่ะ
- T-money ร้านสะดวกซื้อในสนามบินบางทีก็หมด ถ้าไปซื้อที่เค้าเตอร์ Airport Bus จะไม่มีของเด็กนะคะ บัตรที่เค้าขายให้ ถ้าหน้าตาแบบนี้ จะไม่สามารถนำมาลงทะเบียนบัตรเด็กได้ ถ้ากรอกในเว็บมันจะบอกว่าไม่สามารถลงทะเบียนได้ค่ะ
- สำหรับ Airport Bus เด็กจะมีส่วนลดแค่นิดหน่อย เช่น ผู้ใหญ่จ่าย 10,000 เด็ก เสีย 8000 วอน
- ผู้ใหญ่เอง ก็ต้องระวัง การซื้อบัตรแล้วคนขายให้บัตรผิดประเภทมานะคะ มีกรณี คนขายหยิบบัตรเด็กมาให้ แล้วมันดูไม่แตกต่างกันเลย พอนำไปใช้โดนเจ้าหน้าที่เรียกปรับ ให้สังเกตภาษาเกาหลีที่ซองให้ดีนะคะ
ผู้ใหญ่ (Adult) หรือแบบปกติ 일반용 สำหรับคนที่อายุ 19 ปีขึ้นไป
บัตรนักเรียน (Teen) หรือ청소년용 สำหรับเด็กอายุ 13-18 ปี (ลด 20%)
บัตรเด็ก (Child) หรือ 어린이용 สำหรับเด็กอายุ 7- 12 ปี
อ่านเพิ่มเติมเรื่อง ใช้บัตรผิด และโดนปรับ https://pantip.com/topic/34844037 - ข้อสังเกตของการใช้บัตรเด็ก ที่หลายคนอาจจะไม่รู้ แต่เราสังเกตว่า ที่ญี่ปุ่น ถ้าบัตรเด็ก เวลาปิ๊บผ่านที่กั้น มันจะดัง จิ๊บๆ (ดังสองที ในขณะที่ของผู้ใหญ่ ดังแค่ทีเดียว) เกาหลีก็เช่นกัน พอผ่านที่กั้น ของเด็ก เสียงดังติ๊ด ติ๊ด เราคิดว่าการทำเสียงให้แตกต่างกันนี้แหละเพื่อให้เจ้าหน้าที่ ฟังเสียง และแยกออกว่า อันไหนบัตรเด็ก ถ้าผู้ใหญ่ปิ๊บเข้าแล้วดัง จิ๊บๆ ติ๊ดๆ แสดงว่าแอบเอาบัตรเด็กมาใช้ นั่นเอง คุณผู้ใหญ่ทั้งหลาย เวลาซื้อบัตรมา ถ้าอ่านไม่ออกก็ลองสังเกตบัตรตัวเองดูค่ะ ว่าดังเสียงแบบไหน ?
สำหรับการเที่ยวเกาหลีนั้น เราชอบความที่เค้าเป็นคนง่ายๆ สบายๆ มีความยืดหยุ่น พูดคุยกันได้ ไม่เจ้าระเบียบเป๊ะๆ แบบญี่ปุ่น และคนส่วนมากมีน้ำใจใ้ห้กับเด็กๆ ทำให้เกาหลี เป็นอีกหนึ่งประเทศ ที่ถ้าจะพาเด็กๆ มา พ่อแม่สามารถสนุกสนานได้ เด็กๆ ก็ได้เปิดประสบการณ์ เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ แต่ในภาพรวม เรื่องของการเรียนรู้ต่างๆ ช็อบปิ้ง ต้องบอกว่าอาจจะไม่เหมาะกับเด็กเล็ก (ต่ำกว่า 6-7 ขวบ) สักเท่าไหร่ ถ้าวัยรุ่น เด็กโต รวมถึงแม่ๆ ขาช็อบอย่างเราล่ะล่ะ ใช่เลย!
รอติดตามอ่านรีวิวทริปเกาหลีสำหรับเด็กได้ เร็วๆนี้ค่า
